บทความ
สมรรถนะที่แท้จริงของพยาบาลห้องผ่าตัด
การกำหนดสมรรถนะของพยาบาลห้องผ่าตัด ได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องโดยองค์กรวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสมาคมพยาบาลห้องผ่าตัดนานาชาติ (AORN) เริ่มจากปี ค.ศ.1969 ได้ให้ความสำคัญในการ ปฏิบัติการเชิงวิชาชีพของพยาบาลวิชาชีพ (Register nurse) โดยการกำหนดบทบาทของพยาบาลห้องผ่าตัดและ ให้ความหมายของบทบาทการพยาบาลในห้องผ่าตัดและกิจกรรมการพยาบาล (ศิริพร พุทธรังษี, 2546) ในปี ค.ศ. 1984 AORN ได้อธิบายความหมายของ Perioperative nursing practiceว่าเน้นการปฏิบัติกิจกรรม การพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพเฉพาะทาง ในการพยาบาลผู้ป่วยที่มารับการผ่าตัดทั้งระยะก่อน ขณะ และหลังผ่าตัด ซึ่งระดับของการปฏิบัติการขึ้นอยู่กับประสบการณ์และสมรรถนะในการปฏิบัติ โดยอาศัยความรู้ และทักษะในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในขั้นสูงต่อไป และในปี ค.ศ. 2006 AORN ได้ปรับปรุงสมรรถนะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับพยาบาลห้องผ่าตัด โดยมุ่งเน้นผลลัพธ์ทางการพยาบาล ของผู้ป่วยเป็นหลักสมรรถนะพยาบาลห้องผ่าตัด 5 ด้าน ซึ่งกำหนดโดย AORN มีดังนี้ (AORN, 2006)
1. ด้านความปลอดภัยของผู้ป่วย หมายถึง ความสามารถของพยาบาลวิชาชีพห้องผ่าตัด ในการจัดสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด
1.1 จัดเตรียมผู้ป่วย อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด รวมทั้งจัดสิ่งแวดล้อมในห้องผ่าตัดให้ปลอดภัย ในระหว่างการผ่าตัด หรือทำหัตถการที่มีความเสี่ยงสูง
1.2 ยืนยันตัวผู้ป่วยก่อนการผ่าตัด ด้วยวิธีการสอบถามตัวผู้ป่วย ป้ายข้อมือ และตรวจสอบกับแฟ้มประวัติและใบยินยอมผ่าตัด
1.3 ตรวจสอบความเข้าใจของผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับชนิดการผ่าตัด ตำแหน่งผ่าตัดและบริเวณโดยรอบ
1.4 จัดเตรียม ใช้ และจัดเก็บอุปกรณ์ในการจัดท่า และผูกยึดโดยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดอันตรายหรือการได้รับบาดเจ็บของผิวหนัง ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ และการไหลเวียนโลหิต
1.5 ป้องกันพร้อมทั้งสังเกตอาการและอาการแสดงของผิวหนังและเนื้อเยื่อได้รับ อันตรายจากการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ สารละลาย และสารเคมี
1.6 ตรวจนับผ้าซับโลหิต เครื่องมือผ่าตัด และของมีคมตามแนวปฏิบัติ
1.7 จัดเก็บชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจได้ถูกต้องตามขั้นตอน
1.8 ตรวจสอบและ บันทึก อุปกรณ์ที่ใส่ในตัวผู้ป่วย ขณะผ่าตัด หรือทำหัตถการที่มีความเสี่ยงสูง
1.9 รวบรวมข้อมูล แปลความหมาย และสังเคราะห์ความเสี่ยงค้นหาเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์
1.10 สอบถามอาการแพ้ยา ยาง สารเคมี อาหาร และอื่นๆ ของผู้ป่วย
1.11 ป้องกันและสังเกตอาการ อาการแสดงของการได้รับอันตรายหรือการแพ้ยา ยางและสารเคมี
1.12 ป้องกัน และสังเกตอาการ อาการแสดงของการได้รับอันตรายที่เกิดจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าบริเวณผิวหนัง
1.13 ระบุความเสี่ยงที่เกิดจากการจัดท่า พร้อมทั้งใช้อุปกรณ์ในการจัดท่าอย่างระมัดระวัง
1.14 จัดเตรียม และใช้อุปกรณ์เทียม (metal and synthetic prosthetics and implants) ได้อย่างเหมาะสมกับหัตถการที่กำหนด
1.15 ใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์ป้องกันในหัตถการที่มีการใช้เลเซอร์
1.16 สังเกตผลกระทบหรือการบาดเจ็บที่เกิดจากการความผิดพลาดจากการใช้เลเซอร์ และรังสีรักษาหรือรังสีวินิจฉัย
1.17 ประเมินประวัติผู้ป่วยเกี่ยวกับการได้รับรังสีรักษาหรือรังสีวินิจฉัย
1.18 ใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากการได้รับรังสี
1.19 เคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยไม่เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิร่างกายแบบแผนการหายใจ ความไม่สุขสบาย ความเจ็บปวด หรือความกลัว
1.20 สังเกตอาการและอาการแสดงของผิวหนังและเนื้อเยื่อได้รับจากการเคลื่อนย้ายและการนำส่ง
1.21 บริหารจัดการการให้ยาและสารละลายทางหลอดเลือดดำในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับยาชาเฉพาะที่
2. ด้านการคงความสมดุลทางสรีรวิทยาและการทำหน้าที่ของร่างกายผู้ป่วย หมายถึงความ สามารถของพยาบาลวิชาชีพห้องผ่าตัดในการประเมิน วินิจฉัย ปฏิบัติการพยาบาลและประเมินผลการรักษา และการทำหัตถการเพื่อรักษาสภาพร่างกายที่ได้รับการผ่าตัด
2.1 จัดสิ่งแวดล้อมและรักษาบริเวณผ่าตัด ป้องกันการปนเปื้อนของแผลเปิด และดูแลตำแหน่งแผลผ่าตัดให้อยู่ในภาวะที่ปราศจากเชื้อ
2.2 ประเมินความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของผู้ป่วย ที่เกิดจากการปนเปื้อนเชื้อ
2.3 จำแนกประเภทของแผลผ่าตัดตามเกณฑ์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Center for disease Control and Prevention [CDC])
2.4 จัดเตรียมผิวหนังสำหรับการผ่าตัด และการทำหัตถการต่างๆ
2.5 สังเกตอาการ อาการแสดง และปฏิกิริยาตอบสนองของเนื้อเยื่อที่เกิดจากการอักเสบ ติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด
2.6 ป้องกันผู้ป่วยไม่ให้สัมผัสเชื้อจากแหล่งอื่นๆ ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย
2.7 พยายามลดระยะเวลาผ่าตัดให้สั้นลง โดยการจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือให้พร้อมประสานงานกับทีมผ่าตัด เรียงลำดับความสำคัญของงานและปฏิบัติงานให้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
2.8 ควบคุมการสัญจร จำกัดการเข้าสู่บริเวณผ่าตัดและจำนวนบุคคลในห้องผ่าตัด โดยอนุญาตเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด
2.9 ตรวจสอบการปฏิบัติตามแผนการรักษาเกี่ยวกับการงดอาหาร การทำความสะอาดร่างกาย การสวนอุจจาระ การเตรียมลำไส้ และการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อก่อนการผ่าตัด
2.10 กระตุ้นการหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อกระบังลม และการไออย่างมีประสิทธิภาพก่อนและหลังผ่าตัด
2.11 ตรวจสอบลักษณะของแผล และให้การดูแลแผลอย่างเหมาะสม
2.12 ตรวจสอบและเปรียบเทียบลักษณะแผล และท่อระบายต่างๆ และให้การดูแลอย่างเหมาะสม
2.13 ตรวจสอบการได้รับยาปฏิชีวนะ และยากดภูมิคุ้มกันตามแผนการรักษาของแพทย์
2.14 จัดเก็บชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจถูกต้องตามขั้นตอน
2.15 รวบรวม แปลผล และสังเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยเพื่อค้นหาและป้องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์
2.16 ประเมิน ระบุข้อมูลและปัจจัยเสี่ยงของการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่เพียงพอก่อนและหลังการผ่าตัด หรือการทำหัตถการ
2.17 ประเมินสภาพผิวหนัง การไหลเวียนของเลือด และการหายของแผลผ่าตัด
2.18 ประเมินความเสี่ยงต่อการสูญเสียความร้อนของร่างกาย พร้อมทั้งวางแผนให้การดูแลอย่างเหมาะสม
2.19 ระบุความเสี่ยงต่อการสูญเสียเลือดหรือภาวะที่ร่างกายมีปริมาณเลือดลดลง จากการได้รับบาดเจ็บหรือการผ่าตัดใหญ่ การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ชนิดของการผ่าตัด ความผิดปกติของการทำหน้าที่ของอวัยวะสำคัญที่เกี่ยวข้องกับโรคไตและโรคตับ
2.20 ประเมินความสมดุลของสารน้ำ อิเลคโตรลัยท์ ความเป็นกรดด่างของร่างกายและรายงาน ให้แก่บุคลากรในทีมสุขภาพได้อย่างเหมาะสม
2.21 จัดเตรียมและใช้วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ และเทคนิคที่เหมาะสมในการควบคุมภาวะ เลือดออกในขณะผ่าตัด
2.22 สังเกต และเฝ้าระวังภาวะการหายใจของผู้ป่วยหลังผ่าตัด
2.23 ตรวจสอบการใส่เครื่องควบคุมการเต้นของหัวใจ (pacemaker) และเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่กระตุ้นการเต้นของหัวใจอัตโนมัติ (automatic implantable cardioverter-defibrillator)พร้อมทั้งรายงานให้ทีมสุขภาพรับทราบได้อย่างเหมาะสม
2.24 สังเกตและเฝ้าระวัง ภาวะการทำงานของหัวใจของผู้ป่วยหลังผ่าตัด
2.25 ประเมินสภาวะร่างกายของผู้ป่วยที่เปลี่ยนแปลงหลังผ่าตัด และรายงานให้ทีมสุขภาพทราบได้อย่างเหมาะสม
2.26 รวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินภาวะระบบประสาทของผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัด
2.27 ป้องกันการได้รับอันตรายที่เกิดจากการใช้เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ การจัดท่าผ่าตัดโดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดระบบประสาท
2.28 ประเมินและเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาทในผู้ป่วยหลังผ่าตัด
2.29 ใช้เครื่องมือประเมินระดับความเจ็บปวดเพื่อนำไปสู่การควบคุมความเจ็บปวดได้
2.30 ให้การดูแลผู้ป่วยตามแนวทางปฏิบัติในการประเมินและจัดการความเจ็บปวด
2.31 ใช้วิธีการที่หลากหลายในการควบคุมความเจ็บปวดของผู้ป่วยเช่นการสัมผัส การหายใจ และการจัดท่า
2.32 ประเมินการตอบสนองของผู้ป่วยภายหลังให้การจัดการความเจ็บปวด
3. ด้านพฤติกรรมการตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัว หมายถึง ความสามารถของพยาบาลวิชาชีพห้องผ่าตัดในการแสดงความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการตอบสนองด้านจิตสังคมและจิตวิญญาณของผู้ป่วยและครอบครัวที่ได้รับการผ่าตัดหรือทำหัตถการ รวมถึงการมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูสภาพผู้ป่วย
3.1 ตรวจสอบความสามารถในการมองเห็น และการได้ยินของผู้ป่วยโดยไม่ใช้อุปกรณ์ช่วย
3.2 ประเมินปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสามารถในการติดต่อสื่อสาร และความเข้าใจของผู้ป่วยเมื่อได้รับข้อมูลใหม่ๆ
3.3 ประเมินความสามารถในการประยุกต์ใช้ข้อมูลข่าวสารที่ให้เพื่อการดูแลตัวเอง
3.4 ประเมินปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสามารถในการเรียนรู้ หรือการอธิบายความรู้
3.5 ประเมินปัจจัยทางจิตสังคมที่มีอิทธิพลต่อการดูแล พร้อมทั้งสามารถวางแผนการดูแลปัญหานั้นๆ ได้
3.6 ประเมินปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกลไกการจัดการกับปัญหา (coping mechanism) และปัจจัยสนับสนุนทางครอบครัวของผู้ป่วย
3.7 ให้ความช่วยเหลือ พิทักษ์สิทธิ และให้การสนับสนุนส่งเสริมทางด้านจิตสังคมแก่ผู้ป่วยในระหว่างที่ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัด
3.8 ประเมินประสิทธิผลของแผนการดูแลและการตอบสนองทางจิตสังคมของผู้ป่วยและ ครอบครัวต่อแผนการดูแล รวมทั้งปรับแผนการดูแลเมื่อจำเป็น
3.9 ประเมินปฏิกิริยาของผู้ป่วยเกี่ยวกับการผ่าตัด และสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดเพื่อให้มั่นใจ
ว่าผู้ป่วยได้รับข้อมูลถูกต้อง
3.10 อธิบายวิธีการผ่าตัด ลำดับขั้นตอนของการผ่าตัด รวมทั้งเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับ ผู้ป่วยในห้องผ่าตัด
3.11 สอบถามประวัติการใช้ยา สารเสพติด และการดื่มสุรา บันทึกรายงานและดำเนินการส่งต่อ การรักษาอย่างเหมาะสม
3.12 ระบุลักษณะของการถูกทำร้ายร่างกาย ประเมินการถูกทำร้ายร่างกายและดำเนิน การส่งต่อการรักษาอย่างเหมาะสม
3.13 รายงานความก้าวหน้าของการผ่าตัดแก่สมาชิกในครอบครัว
3.14 ประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัวเกี่ยวกับคำแนะนำที่ได้รับก่อนผ่าตัด
3.15 ประเมินลักษณะนิสัยและแบบแผนในการรับประทานอาหารของผู้ป่วย
3.16 ระบุการเปลี่ยนแปลงแบบแผนการรับประทานอาหาร ที่เกี่ยวข้องกับภาวะจิตสังคมของผู้ป่วย
3.17 อธิบายความจำเป็นในการควบคุม/เปลี่ยนแปลงอาหารก่อนผ่าตัด
3.18 ประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยภายหลังจากการให้คำแนะนำเรื่องการเปลี่ยนแปลงอาหาร
3.19 ระบุการเปลี่ยนแปลงของยา ที่เกี่ยวข้องกับภาวะจิตสังคมของผู้ป่วย
3.20 ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการฟื้นฟูสภาพหลังผ่าตัดโดยคำนึงถึงอายุ พัฒนาการและความจำเป็นของผู้ป่วยแต่ละราย
3.21 ระบุความต้องการในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน ที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน การดูแลตนเอง และการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
3.22 ตรวจสอบความรู้ในการดูแลแผล และกระบวนการหายของแผล
3.23 ให้ข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับระยะเวลาการหายของแผล เทคนิคการดูแลแผล และการรายงานอาการ และอาการแสดงที่เกิดขึ้นที่แผลผ่าตัด
3.24 ประเมินความเข้าใจเกี่ยวกับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลแผล และระยะเวลาการหายของแผล
4. ด้านการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วยและครอบครัว และจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วย หมายถึงความสามารถของพยาบาลวิชาชีพห้องผ่าตัดในการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วยและส่งเสริมจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วย
4.1 ตรวจสอบการเซ็นใบยินยอม ในการทำหัตถการ และการผ่าตัด
4.2 ประเมินการให้คุณค่า ความเชื่อ วัฒนธรรม ความชอบส่วนบุคคล และนำไปวางแผนการดูแล
4.3 ประเมินความรู้ พร้อมทั้งให้ความรู้และการสนับสนุนแก่สมาชิกในครอบครัว
4.4 ทบทวนความสามารถของผู้ป่วย แผนการดูแลและทรัพยากรที่เอื้อประโยชน์ต่อการฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยร่วมกับสมาชิกในครอบครัว
4.5 ประเมินความรู้ของผู้ป่วย เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวกับการตัดสินใจด้วยตัวเอง(selfdeterminationact)
4.6 ปรึกษาทีมสุขภาพอื่นเมื่อผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงหรือมีการเปลี่ยนแปลงแผนการผ่าตัด
4.7 ใช้แนวทางปฏิบัติทางคลินิก (clinical pathway) ในการดูแลผู้ป่วย
4.8 ให้การพยาบาลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องในทุกระยะของการผ่าตัด
4.9 อนุญาตเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าสู่บริเวณที่ให้การพยาบาลผู้ป่วย
4.10 รักษาความปลอดภัยของข้อมูล ทรัพย์สินและของมีค่าของผู้ป่วย โดยถอดทรัพย์สินและของมีค่าที่ติดตัวมากับผู้ป่วยออกและเก็บรักษาตามแนวปฏิบัติของหน่วยงาน
4.11 รักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย ให้การดูแลผู้เสียชีวิตด้วยความเคารพ และเตรียมพื้นที่เฉพาะสำหรับครอบครัวของผู้ป่วยที่เสียชีวิต
4.12 จำกัดการเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยสำหรับบุคลากรในทีมสุขภาพตามความเหมาะสม
4.13 ให้การดูแลผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอโดยปราศจากอคติ และความลำเอียง
4.14 ให้การดูแลผู้ป่วยด้านจิตวิญญาณด้วยความเคารพ ให้เกียรติ ยอมรับการตัดสินใจของผู้ป่วย
4.15 บันทึกข้อมูลการผ่าตัดอย่างถูกต้องครบถ้วน และรักษาข้อมูลของผู้ป่วยเป็นความลับ
4.16 ปฏิบัติตามกฎหมายทั่วไป กฎหมายวิชาชีพ จรรยาบรรณ มาตรฐานการปฏิบัติข้อกำหนดของสถาบันที่ให้การรับรองคุณภาพ
4.17 ยืนยันการเซ็นใบยินยอมโดยการสอบถามถึงการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของผู้ป่วย
5. ด้านผลลัพธ์ที่เกี่ยวกับระบบสุขภาพ หมายถึง ความสามารถของพยาบาลห้องผ่าตัดเกี่ยวกับปัจจัยสิ่งแวดล้อมในระบบสุขภาพ และประเด็นด้านการบริหารที่มีอิทธิพลต่อผลการปฏิบัติงาน และความปลอดภัยของผู้ป่วย
5.1 ปัจจัยด้านวิชาชีพ
5.1.1 การต่อใบประกอบโรคศิลปะ
5.2.2 การเก็บหน่วยกิตเพื่อการศึกษาต่อเนื่อง
5.2.3 การรับรู้เกี่ยวกับบันไดอาชีพ/ความก้าวหน้าในอาชีพ
5.2.4 การรับรู้เกี่ยวกับขอบเขตการปฏิบัติการพยาบาล
5.2.5 การใช้ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
5.2.6 การมีส่วนร่วมในการวิจัยและการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์
5.2 ปัจจัยด้านกฎระเบียบ
5.2.1 แสดงความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นทางกฎหมาย
5.2.2 ปฏิบัติตามนโยบายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับของความปลอดภัย
5.2.3 ระบุสิทธิและข้อยกเว้นในการปฏิบัติของบุคลากร
5.2.4 มีส่วนร่วมในแผนป้องกันอุบัติภัย
5.2.5 มีความตระหนักในประเด็นที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
5.3 ปัจจัยด้านองค์การ
5.3.1 ปฏิบัติตามกฎระเบียบขององค์การ
5.3.2 มีส่วนร่วมในการเป็นคณะกรรมการ
5.3.3 แสดงออกถึงการมีทักษะในการสื่อสารที่ดี
5.3.4 ตระหนักถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและจริยธรรม
5.3.5 มีความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างและสายการบังคับบัญชาขององค์การ
5.3.6 มีส่วนร่วมในกิจกรรมการพัฒนา/ปรับปรุงผลการปฏิบัติงาน
5.3.7 อธิบายบทบาทหน้าที่ของทีม
5.3.8 มีความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ทางการแพทย์
5.3.9 เข้าใจและปฏิบัติตามนโยบายการตลาด
5.3.10 แสดงความรับผิดชอบในการใช้งบประมาณ
องค์การการศึกษาการบริการสุขภาพแห่งชาติสำหรับสก๊อตแลนด์ (National health
service education for Scotland, 2002) กำหนดสมรรถนะหลักของพยาบาลห้องผ่าตัดไว้ 5
สมรรถนะ ได้แก่
1. สมรรถนะด้านการติดต่อสื่อสาร โดยสมรรถนะการติดต่อสื่อสารที่สำคัญ มีดังนี้
1.1 ประยุกต์ใช้ทักษะการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิผลเพื่อสนับสนุนให้ผู้ป่วย ได้รับการพยาบาลผ่าตัด อย่างมีประสิทธิผล
1.2 สร้างและดำรงไว้ซึ่งสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วย ญาติ และสมาชิกในทีมการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัด
1.3 ประยุกต์ใช้หลักการติดต่อสื่อสารที่ดีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจต่อการบริการผ่าตัด
2. สมรรถนะด้านการพัฒนาวิชาชีพ ในบริบทของการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดโดยแสดงสมรรถนะดานการพัฒนาวิชาชีพที่สำคัญ ดังนี้
2.1 แสดงถึงคุณลักษณะความรับผิดชอบตนเองในการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง
2.2 พัฒนาวิชาชีพที่จำเป็น ร่วมกับทีมสาขาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง
2.3 พัฒนาสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมวิชาชีพ
3. สมรรถนะภาวะผู้นำทางคลินิก โดยมีสมรรถนะด้านภาวะผู้นำที่สำคัญ ดังนี้
3.1 มีการใช้ทักษะภาวะผู้นำเพื่อส่งเสริมการดูแลผู้ป่วย
3.2 ส่งเสริมและสนับสนุนการนำหลักฐานความรู้เชิงประจักษ์สู่การปฏิบัติทางคลินิก ในการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดอย่างมีประสิทธิภาพ
3.3 จัดการและสร้างแรงจูงใจให้กับสมาชิกในทีมการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดให้ปฏิบัติ หน้าที่ตามหน้าที่รับผิดชอบ
4. สมรรถนะการมีส่วนร่วมในการบริหารทางคลินิก โดยมีสมรรถนะการมีส่วนร่วมในการ บริหารทางคลินิกที่สำคัญ ดังนี้
4.1 ค้นหาและบริหารจัดการความเสี่ยง และอันตรายที่อาจเกิดกับผู้ป่วยผ่าตัดอย่าง
มีประสิทธิผลและจัดการให้มีสิ่งแวดล้อมที่มีความปลอดภัย
4.2 มีส่วนร่วมในกลยุทธ์การพัฒนาคุณภาพการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดเพื่อนำไปสู่การ ประกันคุณภาพ
4.3 ส่งเสริมวิชาชีพ ทางด้านจริยธรรมและกฎหมายในการปฏิบัติงานทางคลินิกของ การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัด
4.4 แสดงคุณลักษณะส่วนบุคคลและวิชาชีพในการปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบ ของพยาบาลห้องผ่าตัด
5. สมรรถนะการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัด โดยมีสมรรถนะการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดที่สำคัญ ดังนี้
5.1 จัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด
5.2 ให้การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดอย่างเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
5.3 แสดงสมรรถนะในการใช้เครื่องมือแพทย์เพื่อช่วยส่งเสริมการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัด
5.4 แสดงสมรรถนะตามบทบาทที่รับผิดชอบ เช่น พยาบาลส่งเครื่องมือผ่าตัด
จากแนวคิดสมรรถนะพยาบาลผ่าตัดสรุปได้ว่า สมรรถนะของพยาบาลห้องผ่าตัดหมายถึง ความสามารถของพยาบาลห้องผ่าตัดที่บ่งบอกถึงการนำความรู้และทักษะทางวิชาชีพการพยาบาลผ่าตัดที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน เพื่อ ให้บรรลุเป้าหมายของงานการพยาบาลผ่าตัดซึ่งจำเป็นต้องมี สมรรถนะขั้นพื้นฐานในการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อดูแลผู้ป่วย และสมรรถนะด้านทักษะเฉพาะ ทางที่จำเป็นในห้องผ่าตัด นอกจากนี้ยังต้องมีการพัฒนาความรู้และทักษะอย่างต่อเนื่องเพื่อนำ ไปสู่การปฏิบัติในสมรรถนะขั้นสูงต่อไป
บรรณานุกรม
ศิริพร พุทธรังษี. (2546),สมรรถนะของพยาบาลผ่าตัด เอกสารปรับปรุงวิชาการประจำปี ครั้งที่ 8
ชมรมพยาบาลห้องผ่าตัดแห่งประเทศไทย เรื่องการพัฒนาศักยภาพของ พยาบาลห้องผ่าตัด
วันที่28-29 มิถุนายน 2546 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม (ไบเทค)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น